ประวัติทีม Boston Celtics

ประวัติทีม Boston Celtics

 

ประวัติทีม Boston Celtics

 

ฝั่งที่สังกัด – ฝั่งตะวันออก Atlantic Division
ปีที่ก่อตั้ง – 1946
ชื่อเดิม – Boston Celtics (1946-ปัจจุบัน)
สถานที่ตั้ง – เมือง Boston รัฐ Massachusetts
ชื่อสนามเหย้า – TD Arena
เจ้าของทีม – Boston Basketball Partners L.L.C.
CEO – Wyc Grousbeck
GM (General Manager) – Danny Ainge
HC (Head Coach) – Brad Stevens
ทีมสังกัดใน G-League – Maine Red Claws
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ลีก – 17 (1957, 1959-1966, 1968, 1969, 1974, 1976, 1981, 1984, 1986, 2008)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ฝั่งทวีป – 21 (1957-1966, 1968, 1969, 1974, 1976, 1981, 1984-1987, 2008, 2010)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ Division – 22 (1972-1976, 1980-1982, 1984-1988, 1991, 1992, 2005, 2008-2012, 2017)
จำนวนเบอร์เสื้อที่ทำการ Retired – 23 (00, 1, 2, 3, 5, 6, 10, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 21, 22, 23, 24, 25, 31, 32, 33, 34, 35)

 

ประวัติทีมโดยสังเขป

 

ทีมได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1946 โดยใช้ชื่อว่า Boston Celtics ซึ่งเป็นทีมในสังกัดของ BAA (Basketball Association of America) และใช้ชื่อนี้มาตลอดนับตั้งแต่ก่อตั้งทีมขึ้นมา

จากนั้นก็ได้รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ NBA (National Basketball Association) หลังจากทำการควบรวมกับ NBL (National Basketball League) ในปี 1949

จากนั้นในปี 1950 ทีมได้ Draft ผู้เล่นผิวสีอย่าง Chuck Cooper เข้าสู่ทีม ทำให้เกิดสถิติว่าเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของลีกที่ทำการ Draft ผู้เล่นผิวสีเข้าสู่ทีม

 

 

การมาถึงของ Bob Cousy และ Red Auerbach

ในช่วงแรกทีมมีผลงานที่ไม่ดีนัก จนกระทั่งทีมได้ทำการจ้าง Head Coach เป็น Red Auerbach ในปี 1950

เขาต้องทำงานอย่างยากลำบากมาก เนื่องจากไม่มีทีมงานโค้ช ทำให้ Auerbach ต้องทำแทยทุกหน้าที่โดยลำพัง ไม่ว่าจะเป็นการคุมการฝึกซ้อม การเป็นแมวมองหาตัวผู้เล่น และการโค้ชในสนาม

จนกระทั่งเขาได้ตัว Bob Cousy เข้าสู่ทีม ในตอนแรก Cousy ได้ถูก Draft โดย Chicago Stags แต่ต่อมาทีมเกิดภาวะล้มละลายและต้องยุบทีมไป ทำให้ย้ายเข้ามาเล่นให้กับ Celtics แทน

 

ในฤดูกาล 1955/56 ทีมได้ทำการ Trade ผู้เล่นระดับ All-star อย่าง Ed Macauley ไปให้กับ St.Louis Hawks พร้อมกับสิทธิ์ Draft รอบสองออกไป แต่ก็แลกกับการได้ว่าที่สุดยอดผู้เล่นอย่าง Bill Russell มาแทน

และเมื่อทีมได้ดาวรุ่งอนาคตไกลอย่าง Tommy Heinsohn เข้าสู่ทีมในปี 1957 เจ้าตัวโชว์ฟอร์มระดับคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีมาได้ และสามารถเล่นเข้าขากับ Cousy และ Russell ได้เป็นอย่างดี ทำให้ทีมคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกได้สำเร็จในฤดูกาลนั้นอีกด้วย

 

 

ยุคของ Bill Russell

 

การเข้ามาของ Russell ถือว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญของทีม และมีส่วนช่วยให้ทีมได้แชมป์ลีกไปถึง 11 สมัย ในช่วงเวลาที่เขาเล่นให้ทีมเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าในปี 1958 จะพลาดท่าเสียแชมป์ให้กับ Hawks ไปในรอบชิง แต่ทีมก็ยังรักษาความเป็นสุดยอดได้อยู่ สามารถทำสถิติคว้าแชมป์ไปถึง 8 ฤดูกาลติดกัน ตั้งแต่ปี 1959-1966 เรียกได้ว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง

หลังจากจบฤดูกาล 1965/66 ทาง Auerbach ก็ได้เปลี่ยนบทบาทจากการเป็น HC ให้ทีมมาอย่างยาวนานขึ้นไปเป็น GM แทน และแต่งตั้งให้ Russell ควบทั้งตำแหน่งโค้ชและผู้เล่นไปในเวลาเดียวกัน ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นโค้ชผิวสีคนแรกให้กับสโมสรกีฬาในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

ก่อนที่ Russell จะพาทีมคว้าแชมป์ได้อีก 2 สมัย ก่อนที่จะยุติบทบาททั้งสองอย่างให้ทีมในปี 1969 และเป็นการหยุดสถิติการคว้าแชมป์ถึง 11 หนในรอบ 13 ปีอีกด้วย

ในด้านของการคว้าแชมป์ 8 สมัยรวด ยังกลายเป็นสถิติการคว้าแชมป์ที่ต่อเนื่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ American Games จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีทีมไหนสามารถทำลายสถิตินี้ลงได้สำเร็จ

 

ตำนานยุคถัดมาของ Cowens, Havlicek และ White

หลังจากที่ Russell อำลาทีมไป ทีมก็เข้าสู่โหมดการสร้างทีมใหม่อย่างเต็มตัว ทีมยังมีผู้เล่นอย่าง John Havlicek อยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ทำให้ทีมมีสถิติแพ้มากกว่าชนะเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี

แต่หลังจากที่ทีมได้ว่าที่ Hall of Fame ในอนาคตอย่าง Dave Cowens และ Jo Jo White ทีมก็กลับมาผงาดอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว

ในปี 1973 ทีมกลับมาได้อีกครั้งด้วยสถิติ 68-14 นำโด่งเป็นจ่าฝูงในฤดูกาลปกติ แต่ใน Playoffs กลับต้องพลาดท่าตกรอบชิงสายตะวันออกให้กับ Knicks ด้วยการแพ้ในเกมตัดสินหรือเกมที่ 7 ไปอย่างเจ็บปวด (ในเกมที่ 6 นั้น Havlicek ได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ขวา ทำให้เกม 7 ต้องฝืนเล่นด้วยมือซ้ายแทนแทบจะทั้งเกม)

อย่างไรก็ดี ในปี 1974 ทีมกลับมาเข้าชิงได้อีกครั้ง หนนี้เจอกับ Milwaukee Bucks ที่นำทีมโดย Kareem Abdul-Jabbar ที่เกมดำเนินไปอย่างสูสีมากๆ ก่อนที่จะจบลงด้วยชัยชนะของ Celtics ในเกม 7 คว้าแชมป์ได้อีกครั้งในรอบ 5 ปีของทีม นำโดย Dave Cowens ที่ทำไป 28 แต้มในเกมดังกล่าว

หลังจากที่ทีมคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งที่ 13 ในปี 1976 ในที่สุดทีมก็กลับเข้าสู่ช่วงการสร้างทีมใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ Havlicek ตัดสินใจเลิกเล่นหลังจบฤดูกาล 1977/78 ด้วยสถิติ 32-50 และเป็นการยุติอาชีพการเล่นของเจ้าตัวแต่เพียงเท่านี้

ในฤดูกาล 1978/79 ทีมตัดสินใจเลือก Larry Bird เข้าสู่ทีม ทั้งที่เจ้าตัวตัดสินใจเล่นให้กับมหาวิทยาลัย Indiana ต่ออีก 1 ฤดูกาล แต่ทาง Auerbach เห็นว่าความสามารถของเขานั่นคุ้มค่าในการรอคอย

และหลังจากที่ Bird ได้เข้าสู่ทีมหลังจากพาทีมมหาลัยคว้าแชมป์ NCAA ผลงานของเขาก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวังได้จริงๆ กลายเป็นตำนานคนใหม่ของทีมไปในที่สุด

ในด้านการบริหารทีม ในปี 1978 เจ้าของทีมอย่าง Irv Levin ตัดสินใจ Trade สิทธิ์ในการบริหารทีมกับ John Y.Brown Jr. เจ้าของทีม Buffalo Braves โดยไม่มีการปรึกษา GM อย่าง Auerbach มาก่อน ทำให้รอยร้าวระหว่าง GM และเจ้าของใหม่เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

การมาของ Larry Bird

ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของทีมคนใหม่กับ Auerbach กลับยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อเจ้าของทีมตัดสินใจคว้าตัว Bob McAdoo แลกกับสิทธิ์ Draft รอบแรกถึง 3 สิทธิ์ด้วยกัน ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่ Auerbach ต้องการอย่างสิ้นเชิง

ทำให้ทั้งคู่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ถึงขนาดที่ Auerbach จะทิ้งทีมไปรับงานที่อื่นเลยทีเดียว

แต่หลังจากได้สื่อมวลชนและแฟนกีฬาท้องถิ่นช่วยหนุนหลัง ทำให้สุดท้ายกลายเป็นฝ่ายของ Brown ที่จำต้องขายทีมออกไปให้ Harry Mangurian แทน

และนั่นทำให้ผลงานในฤดูกาลดังกล่าวจบลงด้วยความล้มเหลวเช่นเดิม ผู้เล่นที่เข้ามาใหม่ต่างก็ช่วยอะไรทีมไม่ได้เลย

จนกระทั่งการที่ Larry Bird ได้เปิดตัวให้กับทีมอย่างเป็นทางการในฤดูกาล 1979/80 พร้อมกะบเจ้าของทีมคนใหม่ ทำให้ Auerbach เริ่มแสดงฝีมือบริหารทีมให้เห็นกันอีกครั้ง

โดยเริ่มจากการ Trade ตัวทำคะแนนอันดับหนึ่งของทีมอย่าง McAdoo ไปให้ Pistons แลกกับ M.L. Carr ผู้เล่นในตำแหน่ง Guard ที่โดดเด่นที่เกมรับ พร้อมกับสิทธิ์ในการ Draft รอบแรกอีก 2 สิทธิ์ นอกจากนั้นยังได้ Gerald Henderson มาเพิ่มอีกคน

เมื่อผนึกกำลังกับผู้เล่นเดิมที่มีอยู่อย่าง Nate Archibald และ Chris Ford รวมไปถึง Cowens ที่ยังอยู่กับทีม ทำให้ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 61-21 และ Bird คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีไปครอง ถือว่าเป็นการกลับมาได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่า Playoffs จะไปแพ้ในรอบชิงแชมป์สายให้กับ Sixers ก็ตาม

ในฤดูกาลถัดมา ความยอดเยี่ยมของ Auerbach ก็แผลงฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง ทีมเสริมขุมกำลังด้านวงในด้วยการใช้สิทธิ์การ Draft ที่ได้มาจาก Pistons ทั้ง 2 สิทธิ์ไป Trade กับทาง Warriors เพื่อแลกตัว Robert Parish กับสิทธิ์ Draft ของทางนั้น และใช้ในการดึงตัว Kevin McHale เข้าสู่ทีม

ทั้ง Bird, Parish และ McHale กลายเป็นแกนหลักของทีมไปอย่างยาวนานหลายฤดูกาลต่อจากนั้น โดยได้ลงเล่นด้วยกันจนถึงปี 1992 คว้าแชมป์ร่วมกันได้ 3 ครั้ง และถูกยกให้เป็นหนึ่งในชุด Frontcourt ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตลอดกาลในเวลาถัดมา

ในฤดูกาล 1980/81 ถึงแม้ทีมจะเสีย Cowens จากการที่เจ้าตัวประกาศเลิกเล่น และมีการเปลี่ยน HC ใหม่เป็น Bill Fitch แต่ทีมก็ยังจบด้วยสถิติ 62-20 และคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ

เพียงแต่ว่าในสองปีถัดมา ทีมกลับทำผลงานในรอบ Playoffs ได้ไม่ดีนัก ทำให้หลังจบฤดูกาล 1982/83 โค้ช Fitch ได้ลาออก และมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีมอีกครั้ง คราวนี้เป็นของกลุ่มทุนที่นำโดย Don Gaston นั่นเอง

ฤดูกาล 1983/84 ทีมกลับมาจบด้วยสถิติ 62-20 และจบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง นับเป็นสมัยที่ 15 ของทีมแล้วในขณะนี้ และหลังจากจบฤดูกาลอย่างยิ่งใหญ่ Auerbach ก็ตัดสินใจยุติบทบาทการเป็น GM ให้กับทีมในที่สุด

ในปีถัดมา ทีมได้ทะลุไปถึงรอบชิงแชมป์อีกครั้ง แต่หนนี้ทีมได้พลาดท่าแพ้ให้กับ Lakers และคู่นี้ก็ได้เจอกันในรอบชิงแชมป์อีกครั้งในฤดูกาล 1986/87 แต่ก็ยังเป็น Lakers ที่ย้ำแค้นคว้าชัยชนะไปได้เช่นเดิม

พอเข้าฤดูกาล 1988/89 Bird กลับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องเข้ารับการผ่าตัด ทำให้หมดสิทธิ์ลงเล่นตลอดฤดูกาล ทำให้ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติเพียง 42-40 และตกรอบ Playoffs รอบแรกไป ถึง Bird จะกลับมาได้ในฤดูกาลถัดมา แต่ทีมก็ไปไม่ถึงดวงดาวอีกครั้ง ทำให้ทีมตัดสินใจเปลี่ยนแปลง HC เป็นอดีตผู้เล่นของทีมอย่าง Chris Ford หลังจบฤดูกาล

โชคร้ายที่หลังจากนั้น Bird กลับต้องพบกับอาการบาดเจ็บคอยรบกวนอยู่เรื่อยๆ ทำให้ไม่สามารถลงเล่นแบบเต็มฤดูกาลได้อีกเลยนับตั้งแต่กลับมาจากการผ่าตัด จนสุดท้ายฝืนสังขารไม่ไหว ประกาศเลิกเล่นไปในปี 1992 ปิดตำนาน 13 ปีในอาชีพการเล่นให้กับทีมไว้แต่เพียงเท่านี้

 

เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านและสร้างทีมใหม่

หลังจากที่ Bird เลิกเล่นไป ผลงานของทีมก็ค่อยๆ ดรอปลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง McHale ประกาศเลิกเล่นหลังจบฤดูกาล 1993/94 และทีมได้ปล่อย Parish ออกไป เป็นการสิ้นสุดยุค Big 3 ชุดนี้อย่างเป็นทางการ

ทีมจึงต้องเริ่มเข้าสู่ช่วงการสร้างทีมใหม่อีกครั้ง ในช่วงแรกทีมพยายามประคองด้วยการเซ็นสัญญา FA ผู้เล่นชื่อดังอย่าง Dominique Wilkins เข้าสู่ทีมในฤดูกาล 1994/95 แต่ก็ไปได้เพียงแค่ Playoffs รอบแรกเท่านั้น

หลังจากนั้นผลงานของทีมกลับดิ่งลงอย่างน่าใจหาย ในฤดูกาล 1996/97 ทีมทำสถิติย่ำแย่ถึง 15-67 นับว่าเลวร้ายที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งทีมมาเลยก็ว่าได้

เจ้าของทีมอย่าง Gaston จึงตัดสินใจผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ มีการเปลี่ยนแปลงทีมบริหารหลายคน พร้อมกับปล่อยผู้เล่นชุดดังกล่าวออกจากทีมแทบจะยกชุด แลกกับการได้ดาวรุ่งอนาคตไกลอย่าง Chauncey Billups และ Ron Mercer

ถึงแม้ผลงานทีมจะดีขึ้นจากเดิมเป็น 36-46 แต่ทีมก็ยังไม่พอใจนัก ทำให้สุดท้ายทั้งสองคนก็ถูก Trade ไปให้ทีมอื่นหลังจบฤดูกาล 1997/98 ในที่สุด

 

ยุคของ Paul Pierce

ถือเป็นความโชคดีของทีม ที่ในปี 1998 ทีมได้ว่าที่ตำนานในอนาคตของทีมอย่าง Paul Pierce ทั้งที่ทีมได้สิทธิ์หล่นไปไกลถึงอันดับ 10 และทุกสำนักต่างก็เชื่อมั่นว่า Pierce จะถูกทีมอื่นเลือกไปก่อนอย่างแน่นอน

แต่การมาของ Pierce ในช่วงแรก ยังไม่สามารถทำให้ทีมกลับมาลุ้นแชมป์ได้ทันที ทีมยังต้องพบเจอกับผลงานที่น่าผิดหวังไปอีกพักใหญ่ แต่ฝ่ายบริหารเองก็ค่อยๆ มองหาช่องทางในการพัฒนาผู้เล่นอย่างใจเย็น

ในที่สุดความพยายามก็สัมฤทธิ์ผล ในฤดูกาล 2001/02 ทีมกลับมาได้แบบเหนือความคาดหมาย และไปไกลได้ถึงรอบชิงแชมป์สายฝั่งตะวันออก ถือเป็นการเข้ารอบนี้ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1988 เลยทีเดียว

แต่ในปี 2003 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของทีมอีกครั้ง เริ่มจากได้มีการขายทีมให้กับกลุ่ม Boston Basketball Partners L.L.C. ที่เป็นเจ้าของทีมจนปัจจุบัน รวมไปถึงการให้ Danny Ainge มารับบทบาท GM ให้กับทีมในช่วงท้ายฤดูกาล และทำหน้าที่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

Ainge เห็นว่าขุมกำลังของทีมในตอนนี้มาถึงทางตันแล้ว คงจะดันไปได้ไม่ถึงระดับลุ้นแชมป์ ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจผ่าตัดทีมทันทีหลังจบฤดูกาล 2003/04 โดยเริ่มมองหาผู้เล่นอายุน้อยที่อนาคตไกลเข้ามาทดแทน

 

การมาของโค้ช Doc Rivers

ในฤดูกาล 2004/05 ทีมได้ Doc Rivers มาเป็น HC คนใหม่ หลังจากที่ออกจากทีม Magic ได้ไม่นาน พร้อมกับการได้ดาวรุ่งที่มีแววอย่าง Al Jefferson ทำให้ทีมจบด้วยสถิติ 45-37 แต่ก็ยังตกรอบ Playoffs แค่รอบแรกอยู่ดี แถมฤดูดาลถัดมาก็ไม่สามารถผ่านเข้ารอบได้อีกต่างหาก

Celtics ยังคงยึดมั่นแนวทางสร้างทีมอายุน้อยอย่างต่อเนื่อง ในปี 2006 ทีมได้ Draft ดาวรุ่งอย่าง Rajon Rondo เข้าสู่ทีม ทำให้ทีมเริ่มมีแกนหลักที่จะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตแล้ว

แต่ในฤดูกาล 2006/07 ทีมกลับต้องพบกับข่าวร้ายหลายอย่าง เริ่มจากการเสียชีวิตของ Auerbach ที่อยู่คู่กับทีมมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงการที่ Pierce ได้รับบาดเจ็บหนักในช่วงกลางฤดูกาล ทำให้ทีมจบด้วยสถิติ 24-58 พร้อมกับสถิติแพ้รวดต่อเนื่อง 18 นัด มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีม

ถึงแม้ว่าทีมจะโชคร้ายได้เพียงอันดับ 5 ในการ Draft ปี 2007 แต่นั่นกลับกลายเป็นสัญญาณที่ดีมากของทีมในอนาคต

 

Big 3 ชุดใหม่

Ainge ได้แสดงฝีมือระดับสุดยอด เสนอ Draft อันดับ 5 ของทีม และผู้เล่นอีกหลายคน ทำให้ประสบความสำเร็จในการได้ตัวสุดยอดผู้เล่นอย่าง Ray Allen และ Kevin Garnett เข้าสู่ทีม ทำให้รวมกับ Pierce กลายเป็น Big 3 ชุดใหม่ในที่สุด

ส่งผลให้ในฤดูกาล 2007/08 ทีมสามารถจบฤดูกาลด้วยสถิติ 66-16 ดีกว่าฤดูกาลก่อนหน้าถึง 42 เกมด้วยกัน

แถมใน Playoffs ยังทะลุเข้าถึงรอบชิงแชมป์ลีกได้อีก ถึงแม้ว่าสองรอบแรกต้องออกแรงหนักจนถึงเกม 7 ทั้งสองรอบก็ตาม

แถมเป็นการเจอกับคู่รักคู่แค้นในการแย่งแชมป์อย่าง Lakers อีกด้วย นับเป็นการกลับมาเจอกันครั้งแรกตั้งแต่ปี 1987 เลยทีเดียว

หลังจากที่ขับเคี่ยวกันจนถึงเกมที่ 6 ในที่สุด Celtics ก็คว้าชัยชนะได้สำเร็จ คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 17 ของทีม และทำสถิติเป็นทีมแชมป์ที่มีจำนวนนัดในการแข่งขันช่วง Playoffs มากที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกอยู่ที่ 26 นัดด้วยกัน

ในฤดูกาลถัดมา ทีมยังทำสถิติอย่างต่อเนื่อง ทีมมีผลงานในช่วงแรกสูงถึง 27-2 พร้อมกับสถิติชนะรวดต่อเนื่อง 19 นัด เป็นสถิติที่ดีที่สุดในลีกทั้งสองอย่าง

ก่อนที่จะจบฤดูกาลด้วยสถิติ 62-20 แต่ในรอบ Playoffs กลับไปได้เพียงรอบสองเท่านั้น

ในฤดูกาล 2009/10 โค้ช Rivers ได้วางแผนในการบริหารเวลา ไม่ให้สภาพร่างกายผู้เล่นที่มีอายุมากในทีมต้องรับศึกหนักจนเกินไป ถึงแม้ว่าทีมจะจบอันดับ 4 ด้วยสถิติ 50-32 แต่ทีมก็ไปได้ไกลถึงรอบชิงแชมป์อีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ทีมไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ พ่ายแพ้ให้กับ Lakers ไปในเกมตัดสินหรือเกมที่ 7 ไปอย่างน่าเสียดาย

ทีมหมายมั่นที่จะคว้าแชมป์สมัยที่ 18 ให้ได้ ในฤดูกาลถัดมาทีมจึงทุ่มเซ็นสัญญาผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง Shaquille O’Neal และ Jermaine O’Neal เข้าสู่ทีม แต่ผลงานก็กลับไม่เป็นไปตามที่คาด ทีมไปได้เพียงแค่รอบสอง และหลังจบฤดูกาล Shaq ก็ตัดสินใจเลิกเล่นในที่สุด

และจากการที่ Allen ตัดสินใจย้ายทีมไปยัง Heat ในฤดูกาล 2012/13 ทำให้เป็นการสิ้นสุดยุคของ Big 3 ชุดนี้ไปโดยปริยาย โดยได้เล่นด้วยกันเพียง 5 ฤดูกาล และคว้าแชมป์ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

 

สิ้นสุดยุค Big 3 และเริ่มสร้างทีมใหม่อีกครั้ง

ก่อนที่ฤดูกาล 2013/14 จะเริ่มขึ้น ทีมตัดสินใจที่จะเข้าสู่ช่วงสร้างทีมใหม่อย่างเต็มตัว เริ่มจากการที่โค้ช Rivers ออกจากทีมไปคุม Clippers แทน ทีมจึงได้ Brad Stevens มาเป็น HC คนใหม่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นอกจากนั้นทีมยังโลหะผู้เล่นอีกชุดใหญ่ รวมถึง Pierce และ Garnett ด้วย โดยส่งไปให้ Nets แลกกับสิทธิ์ Draft ในอนาคตและผู้เล่นอีกหลายคน ถือเป็นสัญญาณการสร้างทีมใหม่อย่างเป็นทางการของทีม โดยเหลือเพียง Rondo ที่ยังเป็นผู้เล่นอาวุโสของทีมที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว

แต่ Rondo ก็ถูก Trade ออกไปให้ Mavs ในฤดูกาลถัดมา เพราะทีมได้ Isaiah Thomas ที่โชว์ฟอร์มได้ดีมาแทนที่แล้วนั่นเอง

ในฤดูกาล 2015/16 ทีมที่นำโดย Thomas และ Avery Bradley จบด้วยสถิติ 48-34 พร้อมกับอันดับ 5 ในฝั่งตะวันออก แต่ก็ตกรอบแรก Playoffs ไปตามความคาดหมาย

ในฤดูกาลถัดมา ทีมเซ็นสัญญาคว้าตัว Al Horford มาช่วยเหลือเกมวงใน ทำให้จบฤดูกาลด้วยสถิติ 53-29 และไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สายฝั่งตะวันออก ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Cavs ไปในที่สุด

 

เข้าสู่ยุคปัจจุบัน

ในการ Draft ของปี 2017 ทีมได้สิทธิ์ Draft เป็นอันดับ 1 ซึ่งถือเป็นความโชคดีของทีมแล้ว แต่ทีมกลับยอม Trade กับ Sixers เพื่อแลกกับสิทธิ์อันดับ 3 และสิทธิ์ Draft ในอนาคตแทน

ซึ่งเป็นการวางแผนที่เยี่ยมยอดมาก ทีมได้เลือก Jayson Tatum เข้าสู่ทีมในปีนั้น เพราะวิเคราะห์แล้วว่าทีมอื่นจะไม่ได้เลือกเขาอย่างแน่นอน เท่ากับแทบจะได้สิทธิ์มาฟรีๆ เลยนั่นเอง

นอกจากนั้นทีมยังเสริมความแกร่งด้วยการเซ็นสัญญา Gordon Hayward เข้ามาอีกคน จากนั้นจึงทำการ Trade ผู้เล่นเพื่อดึง Kyrie Irving เข้าทีม ทำให้ในขณะนี้ทีมมีผู้เล่น Backcourt ที่แข็งแกร่งเอามากๆ

แต่โชคร้ายที่ในเกมเปิดฤดูกาล 2017/18 Hayward กลับได้รับบาดเจ็บหนักมาก จนไม่สามารถช่วยทีมได้อีกในฤดูกาลนั้น แต่ทีมก็มีสถิติที่ 55-27 หลังจบฤดูกาล ก่อนที่จะไปถึงรอบชิงแชมป์สายฝั่งตะวันออก และไปแพ้ให้กับ Cavs เช่นเดิม

ในฤดูกาลถัดมา ทีมกลับมีผลงานแย่ลงกว่าเดิม มีสถิติ 49-33 และจบลงด้วยการแพ้ Bucks ในรอบสองเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงผู้เล่นจึงเกิดขึ้น ทีมได้เสริมแนวหลังเพิ่มด้วยการปล่อย Horford และ Irving ออกจากทีม แลกกับการได้ตัว Kemba Walker มาแทน ซึ่งผลงานของเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวัง

ถึงแม้ว่าในฤดูกาลล่าสุด ทีมจะยังไม่สามารถไปถึงรอบชิงแชมป์ได้ หลังจากที่โดน Heat เขี่ยตกรอบไปในรอบชิงแชมป์สายฝั่งตะวันออกก็ตาม

แต่ขุมกำลังที่ทีมมีอยู่ตอนนี้ก็ถือว่าพร้อมชนกับทุกทีม และเป็นหนึ่งในตัวเต็งแชมป์ได้อยู่ดี

 

 

 

 

• เรื่องน่าสนใจ •